วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2559

สิวเสี้ยน

สิวเสี้ยน อีกปัญหาหนึ่งของสิวที่น่ากวนใจเลยไม่น้อย เพราะเจ้าสิวชนิดนี้จะมาทีเป็นกองทัพ มีสาเหตุการเกิดสิวคล้าย ๆ กับสิวอุดตัน แต่มีความแตกต่างตรงที่สิวเสี้ยนจะมีขนเข้ามารวมตัวอยู่กับไขมันด้วย ซึ่งขนเหล่านั้นจะมีจำนวนมากกว่าเส้นเดียว บางคนแค่สิวหัวเดียวยังมีขนขดอยู่ถึง 50 เส้น แล้วขนที่รวมตัวขดกันอยู่ก็ไม่หลุดร่วงอย่างที่ควรจะเป็น จึงทำให้มันสะสมสิ่งสกปรกแล้วอุดตันจนกลายเป็นสิว
สิวเสี้ยน (Trichostasis Spinulosa) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยสูงอายุ สิวเสี้ยนตามหลักแล้วจะเป็นสิวที่เกิดจากความผิดปกติของต่อมรูขน โดยมีลักษณะคล้ายกับสิวอุดตันหัวดำและมีกระจุกขนเล็ก ๆ หลายเส้นแทรกอยู่ในหัวสิวอุดตันด้วย มีลักษณะเป็นจุดดำเล็ก ๆ ตามใบหน้า หรือมีหนามแหลม ๆ ยื่นออกมาทางรูขุมขน โดยมักพบขึ้นบริเวณปลายจมูก หน้าผาด ข้างแก้ม บริเวณคาง คอด้านหลัง ซึ่งสิวเสี้ยนในความหมายก็คือกระจุกของเส้นขนอ่อน ๆ หลายสิบเส้นและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วอุดตันอยู่ในรูขุมขน
ส่วนสิวเสี้ยนอีกความหมายหนึ่ง ที่คนทั่วไปมักใช้ในความหมายของ “ก้อนไขมันอุดตัน” หรือที่เรียกว่า คอมีโดน (Comedone) จะเป็นสิวเสี้ยนที่เกิดจากต่อมไขมันผลิตไขมันมากเกินไป ทำให้ไขมันหลั่งออกมาไม่ทัน จนเกิดเป็นก้อนอุดตันขึ้นมาในท่อรูขุมขน บางครั้งก้อนไขมันอุดตันก็ไม่มีรูเปิด ทำให้เห็นเป็นสิวหัวขาวฝังอยู่ในผิวหนัง แต่สิวเสี้ยนที่กำลังจะกล่าวต่อไปนี้คือสิวเสี้ยนตามความหมายแรก ซึ่งสิวเสี้ยนหรือขนอุดตันนี้ก็ไม่ได้มีอันตรายแต่อย่างใด นอกจากจะมีปัญหาในด้านความงามหรือก่อให้เกิดความรำคาญเท่านั้น

วิธีรักษาสิวเสี้ยน

  1. เริ่มจากดูแลตัวเอง เราสามารถลดสิวเสี้ยนได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ โดยการรักษาความสะอาดบนใบหน้า พยายามอย่าให้หน้ามัน หากหน้ามันระหว่างวันก็ให้ใช้ทิชชู่ซับหน้าแทนการใช้กระดาษซับมัน หรือจะล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าแล้วซับหน้าให้แห้งก็ได้ และไม่ควรล้างหน้าเกินวันละ 2 ครั้ง พยายามเลือกใช้เครื่องสำอางที่ช่วยดูดซับความมัน เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงที่มีเนื้อบางเบา เช่น แบบเจลหรือโลชั่น และใช้ในปริมาณน้อย เพื่อลดการอุดตันบริเวณรูขุมขน และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม เน้นรับประทานผักและผลไม้ให้มาก ๆ เลี่ยงอาหารที่มีไขมันมาก ดื่มน้ำสะอาดวันละ 6-8 แก้ว
  2. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง การรักษาต้องควบคู่มากับการป้องกัน พฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดสิวเสี้ยนคุณควรหลีกเลี่ยงไม่ว่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้หน้ามันหรือปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นให้รูขุมขนกว้าง เช่น บำรุงผิวหน้าจนเกินความจำเป็น บีบสิวเสี้ยนหรือกดสิวเสี้ยนด้วยตัวเอง รวมไปถึงการนวดหน้า ขัดหน้าบ่อย ๆ เช็ดถูกหน้าแรง ๆ จนเป็นการรบกวนรูขุมขน ทำให้รูขุมขนกว้างและก่อให้เกิดการอุดตันได้ง่าย จนกลายเป็นปัญหาไม่รู้จบ
  3. เบนซอยเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide – BP) หรือยาบีพี ให้นำมาใช้ทาให้ทั่วหน้าก่อนการล้างวันละ 2 ครั้ง ทั้งเช้าและเย็นหรือก่อนนอน โดยให้ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ยานี้จะออกฤทธิ์ไปลดปริมาณไขมันที่ผิวหนังและช่วยละลายสิ่งสกปรกที่อุดตันตามรูขุมขน จึงช่วยลดการอุดตันของต่อมไขมันได้ เริ่มต้นควรใช้ในขนาดความเข้มข้นต่ำก่อนหรือขนาด 2.5% เมื่อผิวเริ่มชินกับยาแล้ว จึงค่อยเพิ่มระยะเวลาการทาให้นานขึ้น และเพิ่มความเข้มข้นของยาเป็น 5% หรือ 10% ไขมันที่อุดตันก็จะถูกละลาย แต่ขนที่คุดเป็นเส้นดำ ๆ นั้น อาจต้องใช้วิธีอื่นร่วมด้วย เช่น การกดออก
  4. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท AHA และ BHA (ยาละลายสิวเสี้ยน) เพราะมันจะช่วยทำให้ไขมันอ่อนตัวลง ทำให้เราสามารถเอาสิวเสี้ยนออกมาได้โดยง่าย เมื่อเรานำเอาสิวเสี้ยนออกจากรูขุมจนของเราได้แล้ว ก็ต้องกระชับรูขุมขนด้วยโทนเนอร์ทันที เพียงเท่านี้ก็สามารถลดการเกิดสิวเสี้ยนได้แล้วล่ะ สำหรับผลิตภัณฑ์ประเภท BHA อาจหาได้ไม่ง่ายนัก แม้ว่าจะใช้ชื่อ BHA (Beta hydroxyl acid) แต่บนฉลากมักเขียนว่า Salicylic acid แถมเรายังไม่รู้ด้วยว่ามี BHA ผสมอยู่มากพอที่ช่วยละลายไขมันได้หรือไม่ เลยทำให้คนใจร้อนรู้สึกว่ามันเห็นผลช้า ดังนั้นถ้าอยากจะใช้ตัวช่วยที่รวดเร็วกว่า BHA ก็ขอแนะนำเป็น “เรตินอยด์” (ภาพ : teeneeshop.com)
  5. ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยละลายการอุดตันของต่อมไขมัน ลดการเกาะตัวของเซลล์ผิวหนัง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์บริเวณรูขุมขน จึงช่วยป้องกันการเกิดสิวเสี้ยนใหม่และช่วยทำให้สิวเสี้ยนหลุดออกมาได้ง่าย ในปัจจุบันมีให้เลือกทั้งแบบแอลกอฮอล์เบสและแบบวอเตอร์เบส ส่วนการเลือกใช้ก็ดูว่าเราเหมาะกับแบบไหนมากกว่ากัน ระหว่างเรตินเอ (แอลกอฮอล์เบส) หรือ ดิฟเฟอริน (วอเตอร์เบส) โดยเรตินอยด์นั้นจะมีการทำงานคล้ายกับ BHA แต่จะให้ผลรวดเร็วทันใจกว่า ทำให้สิวเสี้ยนหลุดออกมาจากรูขุมขนได้ง่ายขึ้น ยิ่งถ้าใช้ร่วมกับมาร์คลอกสิวเสี้ยนและทำการกระชับผิวด้วยโทนเนอร์และเจลสำหรับกระชับรูขุมขนละก็ ผิวของคุณก็จะเรียบเนียนสมใจอยากแล้วล่ะ 


แหล่งอ้างอิง : http://frynn.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น